top of page
Writer's pictureTanawat Pete Singhasaenee

โรค “พนักงานซอมบี้” ในองค์กร ระวังโดนติดต่อไม่รู้ตัว! ส่องมุมมองจิตวิทยาและวิธีกู้แรงจูงใจกลับมา!




เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคนในที่ทำงานถึงดูเหมือนหมดไฟ ไม่มีแรงบันดาลใจ และขาดความกระตือรือร้นในสิ่งที่ทำ?


ปัญหา "พนักงานซอมบี้" หรือการที่พนักงานหมดไฟและขาดการมีส่วนร่วมในการทำงาน ไม่เพียงแต่จะทำลายประสิทธิภาพการทำงานในองค์กร แต่ยังสามารถขยายผลเป็นวงกว้างและส่งผลเชิงลบต่อบรรยากาศการทำงานโดยรวมเหมือนกับโรคติดต่อในองค์กรได้อีกด้วย โดยการที่พนักงานหมดไฟส่งผลโดยตรงต่อความคิดสร้างสรรค์และการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ประสิทธิภาพของทีม และการเติบโตของธุรกิจ โดยในบทความนี้เราจะพาคุณไปสำรวจถึงสาเหตุที่ทำให้พนักงานกลายเป็นซอมบี้ มุมมองทางจิตวิทยา ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และวิธีการแก้ไขที่ผู้นำสามารถใช้เพื่อดึงแรงบันดาลใจและการมีส่วนร่วมกลับคืนมาในที่ทำงาน


ความสำคัญของ “แรงจูงใจ” ในที่ทำงาน


แรงจูงใจเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้พนักงานทำงานด้วยความทุ่มเท ความกระตือรือร้น และสามารถรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ในที่ทำงานได้ อย่างไรก็ตาม ในหลายองค์กรทั่วโลก เรากำลังพบกับภาวะที่พนักงานเริ่มรู้สึกว่าไม่มีส่วนร่วมในงานของตนเอง ขาดแรงบันดาลใจ และไม่รู้สึกเชื่อมโยงกับทีมงาน ซึ่งพฤติกรรมนี้เป็นลักษณะหนึ่งของ "พนักงานซอมบี้" โดยการขาดแรงบันดาลใจของพนักงานนี้เป็นปัญหาที่แพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหลังจากการระบาดของ COVID-19 (Smith & Robertson, 2023) ซึ่งส่งผลต่อการทำงานและความสมดุลในชีวิตของทุกๆคนอย่างมาก ซึ่งการเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์พนักงานซอมบี้ การขาดแรงจูงใจในองค์กร จะช่วยให้องค์กรสามารถปรับตัวและนำมาตรการที่เหมาะสมมาใช้ในการฟื้นฟูแรงจูงใจของพนักงานได้


นิยามของพนักงานซอมบี้


ก่อนที่จะไปดูถึงสาเหตุและผลกระทบของปรากฏการณ์นี้ เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าพนักงานซอมบี้คืออะไร คำว่า พนักงานซอมบี้ ใช้เรียกพนักงานที่มีพฤติกรรมเฉื่อยชา ขาดแรงบันดาลใจ และขาดความกระตือรือร้นในหน้าที่การงานของตนเอง พนักงานกลุ่มนี้มักมีท่าทีเฉยเมย ไม่ค่อยมีส่วนร่วมในงานที่ทำ และไม่แสดงออกถึงความกระตือรือร้นในการมีส่วนร่วมกับทีม ซึ่งส่งผลให้บรรยากาศการทำงานขาดพลังและลดประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันไปโดยปริยาย พนักงานซอมบี้ยังรู้สึกเหมือนติดอยู่ในบทบาทเดิม ๆ ไม่มีแรงจูงใจในการพัฒนาตนเองหรือความรู้สึกเชื่อมโยงกับเป้าหมายขององค์กร


จากการศึกษาของ Lee et al. ในปี 2023 ซึ่งสำรวจกลุ่มพนักงานจากองค์กรต่าง ๆ กว่า 7,700 แห่งทั่วโลก พบว่าพนักงานมากกว่า 20% มีอาการเหนื่อยล้าจากการทำงานหรือ "หมดไฟ" (burnout) ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกถึงการขาดแรงบันดาลใจในงานที่ทำ ผลกระทบจากการหมดไฟนี้ไม่เพียงแต่ลดประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานแต่ละคน แต่ยังส่งผลกระทบเชิงลบอย่างมากต่อบรรยากาศการทำงานและการสร้างสรรค์ไอเดียหรือนวัตกรรมใหม่ๆขององค์กรอีกด้วย การวิจัยยังชี้ให้เห็นว่าการที่พนักงานรู้สึกไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนและขาดการสนับสนุนในการเติบโตในสายอาชีพ เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะซอมบี้ในองค์กรที่แพร่หลายไปในทุกส่วนของธุรกิจ


การขาดแรงจูงใจในที่ทำงาน กับมุมมองทางจิตวิทยา


รูปภาพจาก: [ClearCompany, 2022]. How Maslow's Hierarchy of Needs Applies to Employee.

แรงจูงใจ (Motivation) เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ขับเคลื่อนให้พนักงานทุ่มเทความสามารถในการทำงานและมีส่วนร่วมกับเป้าหมายขององค์กร ในทางจิตวิทยา แรงจูงใจเกิดจากการตอบสนองต่อความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ ทั้งในด้านการยอมรับ การเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม และการพัฒนาตนเอง การมีแรงจูงใจที่สูงจะช่วยเสริมสร้างพฤติกรรมเชิงบวก เช่น ความกระตือรือร้น การมีส่วนร่วม และการคิดเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งสอดคล้องกับทฤษฎีจิตวิทยาของ Maslow ที่ระบุว่า ความต้องการด้านการยอมรับและการเติมเต็มศักยภาพเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้พนักงานมีแรงบันดาลใจในการทำงานอย่างเต็มที่ (ClearCompany, 2022).


การขาดแรงจูงใจในที่ทำงานมักเป็นผลมาจากการขาดการตอบสนองต่อความต้องการพื้นฐานเหล่านี้ เมื่อพนักงานรู้สึกว่าไม่ได้รับการยอมรับจากผู้นำ ไม่ได้มีส่วนร่วมในทีม หรือขาดโอกาสในการพัฒนาตนเอง ก็อาจทำให้พวกเขารู้สึกโดดเดี่ยวและไร้ความหมายในบทบาทของตนเอง ซึ่งในทางจิตวิทยาถือว่าเป็นภาวะที่ส่งผลเสียต่อจิตใจและพฤติกรรมการทำงาน ในทางตรงกันข้าม หากพนักงานได้รับการสนับสนุน ความยอมรับ และโอกาสในการเรียนรู้และเติบโต จะช่วยเสริมสร้างแรงจูงใจให้พวกเขามีส่วนร่วมในงานอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งมีความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ


สาเหตุของการขาดแรงจูงใจในที่ทำงาน


การทำความเข้าใจสาเหตุที่ทำให้พนักงานกลายเป็น "พนักงานซอมบี้" หรือมีพฤติกรรมเฉื่อยชานั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการแก้ไขปัญหา ภาวะนี้มีหลายปัจจัยซึ่งมักเกี่ยวข้องกับการจัดการและบรรยากาศในองค์กร ดังนี้:


  1. การบริหารจัดการที่ขาดประสิทธิภาพ จากการศึกษาของ Harvard Business Review ในปี 2024 ระบุว่า การขาดการยอมรับและให้รางวัลที่เหมาะสมมีผลโดยตรงต่อความพึงพอใจและแรงจูงใจของพนักงาน หากผู้นำไม่สามารถชื่นชมและยอมรับผลงานของพนักงานได้ อาจทำให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองไม่มีคุณค่าและถูกละเลยในทีม เมื่อพนักงานรู้สึกว่าผลงานไม่ได้รับการยอมรับหรือชื่นชม พวกเขาจะสูญเสียแรงจูงใจและขาดการทุ่มเทในการทำงาน การบริหารจัดการที่ขาดประสิทธิภาพจึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะพนักงานซอมบี้ในองค์กร


  1. การสื่อสารที่ไม่ชัดเจนและขาดความโปร่งใส การสื่อสารภายในองค์กรเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างพนักงานและเป้าหมายขององค์กร การขาดการสื่อสารที่ชัดเจนหรือโปร่งใสทำให้พนักงานรู้สึกโดดเดี่ยว ขาดการมีส่วนร่วม และไม่สามารถเข้าใจบทบาทของตนได้อย่างเต็มที่ พนักงานที่ขาดข้อมูลเกี่ยวกับเป้าหมายหรือทิศทางขององค์กรมักจะขาดแรงจูงใจและไม่สามารถมีส่วนร่วมในงานได้อย่างเต็มที่


  1. การทำงานหนัก ความเหนื่อยล้าและภาวะหมดไฟ (Burnout) ความเครียดและการทำงานหนักเกินไปเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญที่ทำให้พนักงานสูญเสียแรงบันดาลใจในการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในองค์กรที่ไม่ให้ความสำคัญกับสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว พนักงานที่ไม่มีโอกาสพักผ่อนจะเสี่ยงต่อภาวะหมดไฟ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาสูญเสียความกระตือรือร้นและไม่สามารถทุ่มเทให้กับงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งการศึกษาของ จากการศึกษาของ Maslach & Leiter (2022) พบว่าพนักงานที่ประสบภาวะหมดไฟมีแนวโน้มที่จะมีประสิทธิภาพในการทำงานลดลงถึง 63%.


  1. วัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน องค์กรที่ไม่ส่งเสริมการทำงานเป็นทีมและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นมักทำให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร วัฒนธรรมการทำงานที่เน้นความเป็นทางการและแบบแผนที่เข้มงวดอาจลดแรงจูงใจของพนักงานและลดทอนความคิดสร้างสรรค์ เมื่อพนักงานขาดแรงบันดาลใจและความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีม พวกเขาจะสูญเสียความคิดสร้างสรรค์ การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ และประสิทธิภาพในการทำงาน


ผลกระทบของพนักงานซอมบี้ในองค์กร


การขาดแรงจูงใจในที่ทำงานสามารถพัฒนาไปสู่ “โรคพนักงานซอมบี้” ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อตัวพนักงานเอง แต่ยังส่งผลอย่างกว้างขวางต่อประสิทธิภาพและบรรยากาศการทำงานในองค์กรอีกด้วย ปรากฏการณ์นี้คล้ายกับการแพร่กระจายของโรคที่ส่งผลต่อพนักงานและทีมงานแบบไม่รู้ตัว โดยพนักงานที่ขาดแรงจูงใจมักทำให้องค์กรต้องเผชิญกับปัญหาในหลายด้าน ดังนี้:


  1. ประสิทธิภาพการทำงานลดลง พนักงานที่ขาดแรงบันดาลใจมักทำงานด้วยประสิทธิภาพที่ต่ำกว่ามาตรฐาน ทำให้องค์กรไม่สามารถบรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้ได้ การมีพนักงานซอมบี้ในทีมหนึ่งทีมสามารถส่งผลกระทบทางอ้อมไปยังทีมอื่น ๆ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของทั้งองค์กรลดลง เมื่อเทียบกับองค์กรที่มีบรรยากาศการทำงานที่มีชีวิตชีวา


  2. การลดลงของความพึงพอใจของลูกค้าและภาพลักษณ์องค์กร เมื่อพนักงานขาดแรงจูงใจ ประสิทธิภาพในการให้บริการหรือการปฏิบัติงานจะลดลง ทำให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์หรือการบริการไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความพึงพอใจของลูกค้า หากลูกค้าได้รับบริการที่ไม่ดีหรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพ อาจทำให้เกิดความไม่พอใจและส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กรในระยะยาว นอกจากนี้ การลดลงของความพึงพอใจของลูกค้าอาจทำให้สูญเสียความไว้วางใจในแบรนด์ ส่งผลให้องค์กรสูญเสียลูกค้าหรือโอกาสทางธุรกิจให้แก่คู่แข่ง


  1. อัตราการลาออกที่สูงขึ้น องค์กรที่มีพนักงานซอมบี้จำนวนมากมักมีอัตราการลาออกที่สูง เนื่องจากพนักงานที่มีศักยภาพและกระตือรือร้นมักจะมองหาสภาพแวดล้อมการทำงานที่ตอบโจทย์ความต้องการและเป้าหมายในอาชีพมากกว่า การลาออกของพนักงานที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งไม่เพียงแต่เพิ่มค่าใช้จ่ายในการสรรหาบุคลากรใหม่ แต่ยังทำให้ทีมงานขาดความมั่นคง ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อการเติบโตและความยั่งยืนขององค์กร


แนวทางแก้ไขสำหรับผู้นำในการฟื้นฟูแรงจูงใจและสร้างพื้นที่สำหรับนวัตกรรม


การแก้ไขปัญหาพนักงานซอมบี้และการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมจำเป็นต้องอาศัยความตั้งใจและการสนับสนุนอย่างจริงจังจากผู้นำ เพื่อให้พนักงานรู้สึกมีแรงจูงใจและมีส่วนร่วมในองค์กร โดยทุกท่านสามารถนำแนวทางต่างๆที่สามารถนำไปใช้ได้ดังนี้:


  1. สร้างวัฒนธรรมการสื่อสารที่เปิดกว้างและโปร่งใส ผู้นำควรส่งเสริมการสื่อสารที่ชัดเจนและโปร่งใส โดยเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถแสดงความคิดเห็นและเสนอแนวคิดได้อย่างอิสระ เช่น การจัดประชุมระดมสมองที่เปิดรับฟังความเห็นทุกมุมมอง โดยเฉพาะแนวคิดใหม่ ๆ ที่สามารถพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงองค์กรให้ดีขึ้นได้ เมื่อพนักงานรู้สึกว่าไอเดียของพวกเขาได้รับการยอมรับและสนับสนุน จะช่วยเพิ่มแรงจูงใจและกระตุ้นให้พนักงานกล้าที่จะสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ๆ นอกจากนี้ ผู้นำควรให้การสื่อสารเป็นกระบวนการที่มีประสิทธิภาพและมีการตอบสนองอย่างรวดเร็ว เพื่อให้พนักงานรู้สึกมีส่วนร่วมและรู้สึกว่าความคิดเห็นของพวกเขามีคุณค่า


  2. ยอมรับและให้รางวัลที่เน้นความคิดสร้างสรรค์ การให้รางวัลเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถกระตุ้นให้พนักงานมีแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์และคิดนอกกรอบ ผู้นำควรจัดโปรแกรมหรือระบบการให้รางวัลที่ส่งเสริมไอเดียใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงกระบวนการภายใน การแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการใหม่ หรือการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยไม่ต้องให้รางวัลจำกัดเฉพาะผลงานที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่ควรชื่นชมและให้รางวัลกับความพยายามในการคิดสร้างสรรค์และทดลองด้วย การชื่นชมและให้รางวัลนี้จะช่วยเพิ่มแรงบันดาลใจ สร้างบรรยากาศการทำงานที่มีชีวิตชีวา และส่งเสริมให้พนักงานกล้าที่จะเสนอไอเดียใหม่ ๆ อย่างเต็มที่


  3. ส่งเสริมสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว การสนับสนุนให้พนักงานมีสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวถือเป็นแนวทางที่สำคัญในการป้องกันภาวะหมดไฟและช่วยให้พนักงานรู้สึกผ่อนคลาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและเปิดโอกาสให้พวกเขาใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ ผู้นำสามารถสนับสนุนสมดุลนี้ได้ผ่านนโยบายการทำงานที่ยืดหยุ่น เช่น การให้พนักงานทำงานจากที่บ้านบางวันหรือจัดเวลาทำงานที่เหมาะสม นอกจากนี้ การจัดกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น วันหยุดพิเศษ หรือกิจกรรมสันทนาการภายในองค์กรยังเป็นอีกวิธีที่ช่วยเสริมสร้างสมดุลและเพิ่มแรงจูงใจให้พนักงานได้ดี


  4. ร้างโอกาสในการพัฒนาและเรียนรู้ต่อเนื่อง การสร้างแรงจูงใจในที่ทำงานไม่ใช่แค่การให้รางวัลเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเปิดโอกาสให้พนักงานได้พัฒนาตนเองและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ผ่านการฝึกอบรมที่เน้นการพัฒนาทักษะการคิดเชิงนวัตกรรม การส่งพนักงานไปเข้าร่วมเวิร์กชอปหรือสัมมนา รวมถึงการให้พวกเขามีโอกาสนำเสนอและทดลองใช้ไอเดียใหม่ ๆ ในงานของตน ทำให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองสามารถเติบโตและสร้างคุณค่าให้กับองค์กรได้ การพัฒนาทางด้านความคิดสร้างสรรค์นี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้พนักงานมีแรงจูงใจ แต่ยังทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองมีความสำคัญต่อองค์กร


  5. ส่งเสริมการทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ การทำงานร่วมกันช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์และทำให้เกิดไอเดียใหม่ ๆ ผู้นำควรสร้างบรรยากาศการทำงานที่เน้นการทำงานเป็นทีมผ่านโครงการที่เน้นนวัตกรรม เช่น การสร้างโปรเจ็กต์ร่วมระหว่างแผนกหรือการจัดทีมระดมสมองที่เปิดให้พนักงานจากแผนกต่าง ๆ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเสรี นอกจากนี้ การจัดกิจกรรมทีม เช่น กิจกรรมเวิร์กชอปสร้างทีมและการทำงานร่วมกันนอกสถานที่ยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และการแลกเปลี่ยนไอเดียระหว่างพนักงาน ซึ่งจะช่วยให้พวกเขารู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรและมีความสำคัญในทุกขั้นตอน


  6. กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนแต่ท้าทาย ผู้นำสามารถกำหนดเป้าหมายที่ไม่เพียงแต่เน้นผลลัพธ์ แต่ยังต้องท้าทายความสามารถของพนักงานในการคิดหาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและท้าทายนี้จะช่วยให้พนักงานรู้สึกมีความสำคัญและมีความหมายในการทำงาน พร้อมที่จะทุ่มเทความพยายามและแสวงหาแนวทางที่มีประสิทธิภาพเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกับทีมและองค์กร การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนแต่ท้าทายจึงเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่ช่วยให้พนักงานมีแรงจูงใจและความมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง


บทสรุป


ปรากฏการณ์ "พนักงานซอมบี้" ในที่ทำงานเป็นความท้าทายที่ส่งผลกระทบต่อองค์กรทั้งในด้านประสิทธิภาพ นวัตกรรม และความพึงพอใจของลูกค้า พนักงานที่ขาดแรงจูงใจและความกระตือรือร้นไม่เพียงแต่จะทำงานได้น้อยลงเท่านั้น แต่ยังสร้างบรรยากาศที่ทำให้เพื่อนร่วมงานและองค์กรขาดพลังในการพัฒนา การทำความเข้าใจถึงสาเหตุของปัญหานี้ เช่น การขาดการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการที่ไม่เหมาะสม ภาวะหมดไฟจากการทำงาน และวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่สนับสนุนการทำงานร่วมกัน จะช่วยให้ผู้นำสามารถออกแบบแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมได้


การสร้างบรรยากาศการทำงานที่โปร่งใส ยอมรับและชื่นชมผลงานของพนักงาน สนับสนุนความสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว รวมถึงการส่งเสริมโอกาสในการพัฒนาและการเติบโตในอาชีพ ล้วนเป็นกลยุทธ์ที่สามารถช่วยฟื้นฟูแรงจูงใจและความกระตือรือร้นให้กับพนักงานได้ การปรับใช้กลยุทธ์เหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพจะไม่เพียงแค่ช่วยลดปรากฏการณ์พนักงานซอมบี้เท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างทีมงานที่เต็มไปด้วยพลัง พร้อมที่จะมีส่วนร่วมและผลักดันองค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคง


อ้างอิงจาก

Smith, J., & Robertson, A. (2023). The Impact of Post-Pandemic Work Environments on Employee Motivation. Journal of Workplace Studies, 12(3), 45-59.


Lee, T., Kim, S., & Park, H. (2023). The Effect of Zombie Status on Employee Burnout in Global SMEs. International Journal of Business Research, 15(4), 67-82.


Harvard Business Review. (2024). Recognition and Reward: Keys to Employee Satisfaction. เข้าถึงจาก  https://hbr.org/2022/10/a-better-way-to-recognize-your-employees


Maslach, C., & Leiter, M. P. (2022). The Truth About Burnout: How Organizations Cause Personal Stress and What to Do About It. Harvard Business Review Press.


ClearCompany. (2022). How Maslow's Hierarchy of Needs Applies to Employee

83 views0 comments

Comments


bottom of page